📌ใช้หลอดไฟ LEDเป็นแหล่งกำเนิดของแสง ให้ความร้อนน้อย ประหยัดไฟ และสามารถเลือกสีของแสงตามความเหมาะสมของต้นพืช
📌สามารถผลิตพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงทั้งด้านอัตราการผลิต (ผลผลิตต่อพื้นที่ต่อเวลา) และการใช้ทรัพยากรในการผลิต จึงสามารถให้ผลผลิตสูงมากขึ้น 10 เท่าตัว
📌เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและต่อมนุษย์ เพราะช่วยลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช วัชพืช และโรคพืช ทำให้ผลิตภัณฑ์จากพืชที่ผลิตได้จากระบบนี้ปราศจากสารพิษ
📌ลดการใช้ทรัพยากรน้ำและธาตุอาหาร โดยใช้น้ำเพียง 10%และใช้ปุ๋ยเพียง 25% เมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกพืชแบบดั้งเดิม
📌สามารถเพิ่มคุณภาพของพืชด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลผลิต เช่น การเพิ่มวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ
📌สามารถปลูกพืชได้ในทุก ๆ สภาพอากาศ และใน ทุก พื้นที่ รวมทั้งไม่ได้รับผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
📌มีศักยภาพการตลาดที่มีความเติบโต ในด้านการผลิตพืชเชิงอุตสาหกรรม ป้อนอุตสาหกรรมยา เวชสำอาง และการผลิตพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หรือ functional food สำหรับผู้ป่วย และการป้องกันโรค
📌มีระยะการเกี่ยวเกี่ยวที่สั้นลง และมีอายุหลังการเก็บนานขึ้น ทำให้ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง
📌ปัจจุบันมีการลงทุนการผลิตพืชในระบบ Plants Factory ในอัตราก้าวกระโดด และมีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลก
📌เป็นส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการเกษตรที่เป็นยุทธศาสตร์หลักของชาติและกลับสู่ภูมิลำเนา เพื่อพัฒนาถิ่นกำเนิดสร้างภูมิสังคมที่แข็งแรงตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมการแห่งชาติอีกด้วย
อ้างอิง www.aee-growlight.com